Review เมื่อหมอต้องมาเป็นคนไข้เอง the life of an Intern
ณ วอร์ดหนึ่ง รพ.แห่งหนึ่ง วันนี้อยู่ activity เป็น OR และ GYNE emer
11.00 น. ของวันหนึ่ง ได้รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นเคส emer admit ด้วย acute dyspnea on ETT ฉี่ไม่ออก ปวดฉี่มาก เราก็ไปดู(ญาติรุมล้อมดูเป็นกังวลเต็มที่ ) ตรวจดูแก full bladder แกดิ้นๆปวดทรมาน เราก็ . รู้สึกหนาวๆมือเย็นไป สักพักก็เริ่มสั่น เอ้าปวดเอวด้วย คิดว่าเป็น acute pyelonephritis แน่ๆ แต่ดูคนไข้ก่อนละกัน ระหว่างเริ่มสั่นมากขึ้นคือมันหนาวมากกกแล้วก็ปวดเอว พี่พยาบาลเเถวนั้นเห็นก็ถามกันยกใหญ่ว่าเป็นอะไร พี่ nurse aid ก็วิ่งไปหาพารามาให้กิน ต้องขอบคุณพี่เค้ามากจริงๆ เค้าดูเป็นห่วงเรา สนใจถามไถ่
วัดไข้ได้ 38.5 องศา พอดูคนไข้เสร็จจัดการเรียบร้อยคนไข้ฉี่ออกแล้วว่าจะไปตรวจ มันต้องเดินไปห้องฉุกเฉินถ้าไปตอนนี้เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้ว่าไปไหน เลยเดินไปบอกพี่chief ก่อน ที่ห้องคลอดเค้าประชุม lunch report กันอยู่ พี่chief บอก เก็บฉี่ใส่กระป๋องแล้วเอาไปส่งห้องเเลปเลยก็ได้ แต่......ณ ตอนนั้นมันหนาวๆร้อนตัวสั่น ไม่ไหวเเล้วคือ ป่วยจริงเดินไปไม่ไหวต้องไปหาของหานั่นหานี่เอาฉี่ไปตรวจ โอ๊ยไปไม่ไหวจริงๆ
นอนร้องไห้...ในห้องพักแพทย์แม่งเลย
มีน้องextern นศพ.เดินไปมาเต็มเราก็ห่มผ้าห่มนอนหนาวสั่นอยู่. ไม่มีเพื่อนนี่หว่า ไม่ได้บอกใครอีกว่าเป็นอะไร ไม่รู้จะบอกใคร ทุกคนได้ยินเสียงแต่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครถามไถ่ ราวกับไม่รู้ไม่เห็นอะไร ผ่านไปราวๆ 45 นาทีเริ่มดีขึ้น พยุงตัวลุกขึ้น พาตัวเองไปห้องฉุกเฉินเปิดบัตร ตรวจสอบสิทธิ์ เขียนประวัติ วัด v/s สั่ง lab เอง รอพี่พยบ มาเจาะเลือดให้ไข้เริ่มลง รู้สึกดีขึ้น พาตัวเองไปทำงานต่อ รอแลปออก(UA มี WBC 50-100 cell/HPF) acute pyelonephritis จริง สั่งยาให้ตัวเอง พี่ พยบ. เปิดเส้น หลัง drip IV ATB ไปทำงานต่อและต้องดริปต่ออีกสามวันวันที่สองดริปตอนไปสรุปชาร์ตที่ตึกมะเร็งวันที่สามดริปตอนตรวจOPD นอกเวลา
เป็นประสบการณ์ที่ดี
แต่ ณ เวลานั้นได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
สำหรับคนไม่เคยมาโรงพยาบาลมันไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหน ตรงมีไหวพริบ ถามคนนั้นคนนี้ แล้วชาวบ้านเค้าคงจะกล้าๆกลัวๆ อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
แพทย์ก็คือคนๆที่ต้องการความห่วงใยเอาใจใส่ อย่าทิ้งๆขว้างๆเหมือนเครื่องจักรเลย เอาใจใส่กันบ้าง
ที่จริงเเล้วเราเสียสละเพื่อคนอื่นเยอะเหมือนกันนะ เราก็ทำตามหน้าที่อย่างถึงที่สุดเหมือนกัน แม้จะป่วย เหนื่อยบ่น แต่ก้ทำหน้าที่ต่อไป
โรงพยาบาลหรือสนามรบ ? อยากให้คนไข้ทุกคนได้รับการดูแลรอบด้านเท่าเทียม ทั้งร่างกายและจิตใจ
เมื่อไหร่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเพียงพอ
เมื่อไหร่คนจะดูและตัวเองดีกว่านี้ ได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น
เมื่อไหร่ระบบต่างๆมันจะดีขึ้น
ถ้าวันหนึ่งมีเวลาเป็นนักเขียนที่ดีจะใช้คำพูดให้ดีกว่านี้ ศัพท์ที่ใช้บ่อยในหมู่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
Intern แพทย์ใช้ทุนมักเป็นแพทย์จบใหม่ ใช้ทุน ประมาณ1-3 ปี
Activity: กิจกรรม (ตารางการทำงานของหมอแต่ละวันไม่เหมือนกัน)
OR= operating room ห้องผ่าตัด
GYNE = gynecology นรีเวช
Admit = นอนโรงพยาบาล
ETT =endotracheal tube ท่อช่วยหายใจใส่ทางปาก
full bladder = กระเพาะปัสสาวะเต็มเนื่องจากปัสสาวะไม่ออก (ปกติคลำไม่ได้กระเพาะปัสสาวะแต่ถ้าคลำได้มักจะมีการอุดตันทางเดินปัสสาวะทำให้ปัสสาวะไม่ออก)
Acute pyelonephritis = กรวยไตอักเสบ
Nurse aid = ผู้ช่วยพยาบาล
Chief:=พี่ใหญ่สุดมักจะเป็น resident ปีท้ายๆ
Lunch report = กิจกกรมช่วงเที่ยงที่นำเคสที่น่าสนใจที่มานอนรพใหม่เมื่อวาน มาเล่าสู่กันฟังพูดคุยรายละเอียด
Extern = นศพ. ปี 6
V/S = vital signs สัญญาณชีพ หมายถึง ค่าความดันโลหิต (Blood pressure) อุณหภูมิ (Temperature) ชีพจร (Pulse) และการหายใจ (Respiration)
Lab = ในที่นี้หมายถึง laboratory investigation ที่แพทย์ส่งตรวจตามดุลยพินิจเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆ
UA = urine analysis ส่งปัสสาวะเพื่อตรวจ
WBC = white blood cells เม็ดเลือดขาว ถ้ามีมาก บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย เพิ่มเติม https://medthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0/
IV = intravenouse การให้สารน้ำทางเส้นเลือด
Drip = หยด(ให้แบบหยดๆ เหมือนที่เคยเห็นการให้น้ำดกลือ)
ATB = antibiotics ยาปฏิชีวนะ
OPD = out patient department =ตรวจผุ้ป่วยนอกทั่วไป

สู้ๆค่ะหมอเมย์
doctor in Thailand doctor gets sick Thai doctor เป็นหมอ เป็นแพทย์ เรียนหมอ เรียนแพทย์ อยากเป็นหมอ นักศึกษาแพทย์ นักเรียนแพทย์ i want to be a doctor GP sick acute pyelonephritis
No comments:
Post a Comment